วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

ห้องทำงาน

คนเราโดยปกติแล้ว ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ การทำงาน ในสถานที่ทำงาน หรือหน่วยงานต่างๆ วันหนึ่งๆ ประมาณ 8 ชม. เป็นอย่างน้อย แต่มิใช่ว่าเรา จะทำงาน เพียงแค่นั้น เพราะบางครั้ง เรายังต้องหอบหิ้วงานการ กลับมาทำ ที่บ้านด้วย หรือบางคนมักจะกล่าวว่า ทำงานที่บ้าน หัวสมองแล่น กว่าที่ทำงาน ฉะนั้นจะเห็น ได้ว่ามุม หรือห้องทำงาน จึงจำเป็น อย่างมากในบ้าน ซึ่งเราควรมี ห้องทำงาน ที่เหมาะสม เอื้ออำนวย และสร้างบรรยากาศที่ดี ในการทำงานได้ เพื่อจูงใจ ให้อยากทำงาน หรือ บางครั้งการมีห้องทำงาน ที่ตกแต่งได้ดี ยังอาจช่วย ผ่อนคลายเรื่องเครียดๆ ได้อีกด้วย
ห้องทำงาน เป็นห้องที่ประกอบไปด้วย อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีล้ำนำสมัยอยู่ เสมอจึงสะท้อน ความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบ งานออกแบบตกแต่งภายใน มาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ในอดีตภายในห้องอาจมี เพียงแค่ เครื่องเสียงไฮไฟ โทรทัศน์ และ เครื่องเล่นวิดีโอ เท่านั้น แต่ปัจจุบันภายใน ห้องทำงาน มีทั้ง เครื่องเล่นดีวีดี ระบบเสียงรอบทิศทาง คอมพิวเตอร์ แฟกซ์ และ พริ้นเตอร์ รวมถึง ห้องอื่นๆ ภายในบ้าน ก็อาจต้องประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้เช่นกัน นอกจาก บ้านสมัยใหม่ ทั่วไป มักมี การติดตั้ง ระบบรักษาความปลอดภัย ที่ทันสมัย เพื่อคุ้มครอง ทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านอีกด้วย
ในอดีตที่ผ่านมา อุปกรณ์เทคโนโลยี เหล่านี้ มักถูกซ่อน หรือ ปกปิดไว้อย่าง มิดชิด แต่สำหรับบางคน กลับชอบที่จะโชว์ สิ่งเหล่านี้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โทรทัศน์ และ จอคอมพิวเตอร์ แต่จะซ่อนอุปกรณ์ประกอบที่ไม่สวยงาม เช่น Hard Drive พริ้นเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดี และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่ช่วยสร้าง ระบบบันเทิง สมบูรณ์แบบ เอาไว้ใน ตู้เก็บของ ที่ถูก ออกแบบ สร้างขึ้นมา ให้กลม
กลืนกับ ห้องอย่างลงตัว สำหรับ " สายไฟ " ที่ดูเหมือน จะเป็นตัวปัญหาเสมอ ใน อดีต เพราะสายไฟที่ยุ่งเหยิงมักจะทำให้เกิดภาพ ภายในห้อง ที่ไม่น่าด ูเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน คุณสามารถรวม สายไฟ หลายๆ เส้นไว้ใน สายเคเบิล เพียงเส้นเดียวได้ และในอนาคต อีกไม่นานปัญหานี้ ก็จะหมดไปด้วย เทคโนโลยีีไร้สาย ที่ทันสมัยที่สุดห้องทำงาน
การเลือกห้องทำงานมีหลักดังต่อไปนี้
1. ควรเป็นห้องที่มีอากาศถ่ายเท หมุนเวียนตลอดเวลาโดยมีช่องเปิด เช่น หน้าต่าง ประตู ช่องระบายอากาศ อย่างเพียงพอ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของพื้นที่ห้อง
2. มีแสงสว่างพอเพียงกับการทำงาน ไม่จ้าเกินไป หรือน้อยเกินไป คือควรมีแสงสว่างไม่ต่ำกว่า 30-40 ฟุต แรงเทียน
3. เนื่องจากการทำงานต้องใช้สมาธิมาก ดังนั้น ห้องทำงาน จึงจำเป็นต้องมีความสงบเงียบ ปราศจาก เสียงรบกวน ซึ่งควรมีเสียงดังไม่เกิน 30 เดซิเบล
4. กลิ่นนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดการรบกวนประสาทสัมผัส ดังนั้นห้องทำงาน จึงไม่ควรอยู่ใกล้กับแหล่ง ที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นเน่าเหม็น กล่นสารเคมี เป็นต้น
5. ในห้องทำงานไม่ควรมีควันฝุ่น เพราะสิ่งนี้ มีอันตราย โดยตรงต่อร่างกาย คือ ทำให้ร่างกาย อ่อนเพลีย อารมณ์เครียด และอาการเจ็บป่วย
ข้อแนะนำในการจัดตกแต่งห้องทำงาน ก่อนอื่น เราต้องคิดก่อนว่า ห้องทำงานนั้นจะใช้ทำกิจกรรมใดบ้าง เพื่อจะได้ออกแบบ และแต่งห้องได้เหมาะสม กับประโยชน์ใช้สอย ในกิจกรรมแต่ละประเภท ซึ่งได้แก่ หากเป็นงานประเภทขีดๆ เขียนๆ ควรจัดในห้อง ที่โปร่งสบาย อากาศถ่ายเทได้สะดวก สีสันของห้อง ควรเป็นโทน สีกลางๆ เย็นตา มีอุปกรณ์ เครื่องใช้ ประเภท โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ โต๊ะพิมพ์ดีด ที่สูงไม่เกิน 72 เซนติเมตร ไว้วาง เครื่องพิมพ์ดีด
ห้องสำหรับงานฝีมือ อาจจัดเพียงมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ห้องทำงานประเภทนี้ควรมีลักษณะสีสัน นุ่มนวล สวยงาม พื้นทำความสะอาด ได้ง่าย และไม่ควรทำให้พื้นเป็นรอยสกปรก เพราะเมื่อเข็ม หรืออุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ หล่นไปจะได้ หาไม่ยาก ควรมีโต๊ะอย่างน้อย 2 ตัว ตัวหนึ่งบนโต๊ะควรปูด้วยพื้นพีวีซี เพราะจะทนต่อการถูกกรีด จากการตัดเย็บ อีกตัวหนึ่งสำหรับการตัดเย็บผ้าด้วยจักร และมีเก้าอี้ 2 ตัว เพราะการนั่งเย็บจักร กับการเย็บผ้าด้วยมือมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน
การทำงานฝีมือเป็นงานที่ละเอียด และต้องการ ความประณีตอย่างมาก ดังนั้นห้องจึงควรมี แสงสว่าง ที่เพียงพอ ไม่เกิดเงากัน คือถ้าทำงาน ฝีมือธรรมดา ควรมีแสงสว่างไม่ต่ำกว่า 50 ฟุตแรงเทียน และถ้าเป็น งานฝีมือที่ประณีตมากๆ ควรมีความสว่าง ไม่ต่ำกว่า 100-150 ฟุตแรงเทียน โดยอาจมีแสงไฟเป็นโคม หรือนีออน ติดในระดับตา ในกรณีแสงไม่พอ ในห้องเย็บจำเป็น ต้องมีที่เก็บของ เพื่อความ เป็นระเบียบ และหยิบใช้สะดวก คือ ควรมีหิ้งที่จะวางผ้า เป็นพับๆได้ มีที่วางกล่องเข็ม กระดุม ด้าย เทป ชอล์กเขียนผ้า และกระจก ลองแบบเสื้อที่สำหรับรีดผ้า และราวแขวนเสื้อ เป็นต้น



Read more: http://www.novabizz.com/CDC/WorkingRoom.htm#ixzz1l0DKTzdY

ห้องนอน

ห้องนอน

การนอนหลับคือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด การนอนหลับเพียง 5-6 ชั่วโมง ในห้องที่เงียบสงบ มืดสนิท อุณหภูมิพอเหมาะ และอากาศ ถ่ายเทดี ก็นับว่า เพียงพอแล้ว สำหรับคนเราในวันหนึ่ง ๆ ห้องนอน จึงเป็นห้อง ที่ต้องการ ความสงบมากกว่าส่วนใด ในบ้าน ให้ความเป็นส่วนตัว ความสะดวกสบาย แก่เจ้าของ อีกทั้งแสดง รสนิยม และ บุคลิก ของเจ้าของห้อง ได้มากกว่า ห้องอื่น นอกจากจะใช้เป็น ห้องพักผ่อนนอนหลับแล้ว ยังอาจใช้เป็น ห้องแต่งตัว และ ห้องทำงานส่วนตัว ได้อีกด้วย การนอน ถือเป็น กิจกรรม หรือ กิจวัตรประจำวัน ที่จำเป็น ต้องมีต้องปฏิบัติ เพื่อการเริ่มต้นชีวิต ในวันใหม่ ที่สดชื่น สุดๆ พร้อมกับ ภารกิจ การทำงาน ทุกสภาวะ และโอกาสใน การทำงาน แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งของการ "นอน" ก็คือ "สุขภาพ"ที่ดีของ ร่างกาย เมื่อมี การทำงานไม่ว่า จะด้วย การใช้แรงกาย หรือแรงสมอง สติปัญญา และหรือ แม้แรงใจ แรงกระตุ้น จาก พลังจิต ภายใน ที่ทำให้คนเรา มีความสุขใน การทำงาน ปฏิบัติงาน ในหน้าที่ของ แต่ละท่าน ให้ได้ผลสมบูรณ์เต็มร้อย ควรอย่างยิ่งต้องมีการ "นอน" เป็นกิจกรรมที่สำคัญของวัน ที่เราๆ ทุกท่านต้อง พักผ่อนด้วย การ"นอน"
ห้องนอน ถือว่าเป็น สถานที่ส่วนตัว การออกแบบตกแต่ง จึงสามารถ ทำให้มีลักษณะ เฉพาะตัว ที่เด่นชัดออก มาได้เต็มที่ และตามสไตล์ ที่ผู้อยู่ต้องการ ได้ด้วย เนื่องจากพื้นที่ใน ห้องนอน นั้น เป็นพื้นที่ส่วนตัว ที่พ้นจากสายตาคนอื่นๆ และยังเป็น ห้องที่เหมาะที่สุด ในการ สร้างสรรค์ ตามความประสงค์ ของผู้อยู่อย่างมาก บางคนอาจจะชอบ ห้องนอน ที่เต็มไปด้วย บรรยากาศ แบบไทยๆ ที่สามารถจะใช้โต๊ะ ตั่ง คันฉ่องหรือ กระจก มาตกแต่ง การวางที่นอน บนพื้นก็เป็น การเพิ่มบรรยากาศ ให้ห้องน่าอยู่มิใช่น้อย หรือบางคนอยากจะแต่ง ให้โมเดิร์นสุดๆ ก็ย่อมที่จะทำได้ เพราะห้องนอนเปรียบเสมือนโลกส่วนตัว ของแต่ละบุคคลที่สามารถ จะสร้างสรรค์ สิ่งที่ต้องการ ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึง รสนิยมและประโยชน์การใช้สอยร่วมกับผู้อื่น เหมือนกับการตกแต่งในห้องอื่นๆ
ห้องนอน



Read more: http://www.novabizz.com/CDC/BedRoom.htm#ixzz1l0Ba9cJC

ห้องรับแขก/ห้องนั่งเล่น

ห้องรับแขก/นั่งเล่นเป็นห้องที่ใช้งานมากที่สุด ของครอบครัวผู้คนบางกลุ่มชอบที่จะ รับประทาน อาหาร พบประสังสรรค์ และดื่มฉลอง กันที่บ้าน มากกว่าที่จะ ออกไปตามคลับ หรือภัตตาคาร โทรทัศน์สี วีดีโอ และเครื่องเสียงดีๆ ได้เข้ามาแทนที่ภาพยนตร์ตามโรง แม้แต่เกมคอมพิวเตอร์ ปัจจุบัน ก็สามารถ ซื้อหา เข้ามา เล่นสนุกสนานกันได้ภายในบ้าน ฉะนั้นการจัด ห้องนั่งเล่นที่กว้างขวาง พอและมีอุปกรณ์ ในการสันทนาการ ต่างๆ จึงเหมาะเป็นที่พบปะสังสรรค์ และพักผ่อนในยามว่างได้ การตกแต่งห้องนั่งเล่น ได้รับความเอาใจใส่มากขึ้น ได้มีการเพิ่ม ความแปลกใหม่ ที่ยังคงให้ ความรู้สึก สบาย อย่างง่ายๆ ซึ่งมีผลมาจากปัจจัย 3 ประการคือ
เฟอร์นิเจอร์แปลกๆ ใหม่ๆ ที่บริษัทผู้ผลิตได้ออกแบบแตกต่างหลายหลาก และมีหลายระดับราคา ให้เลือกซื้อได้ตามความ ต้องการและกำลังทรัพย์
การใช้สีสดใสมาตัด เช่น สีชมพู เขียว หรือ เหลือง บนสีที่นิยมใช้กันอันได้แก่สีครีมอ่อน สีครีมเข้ม สีเบท และสีปนสีขาว นั้นให้ชีวิตชีวา ที่สนุกสนาน มากยิ่งขึ้น
ปัจจัยสุดท้ายได้แก่การนำวัสดุต่างๆ มากใช้ อย่างมากมาย เป็นวัสดุที่ผลิตออกมา ในขบวนการ อุตสาหกรรม สถาปนิก และ มัณฑนากร ได้นำสิ่ง ที่มีอยู่ อย่างหลายหลากนี้ มาออกแบบ ดัดแปลง ตกแต่ง ให้ได้สิ่งที่แปลกใหม่น่าตื่นตา อาทิ นำเอา ลามิเนท พลาสติกลายสีสดใส มาปูลง บนเฟอร์นิเจอร์ ลักษณะแปลกๆ นำเอาไม้มาทาสี ร้อนแรง และเคลือบเงา การฉาบปูนบนผนัง ให้เป็นเส้นๆ เพื่อเลียนแบบ เสาลายคิ้วบัว และลวดลายต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการแสดง ถึงวิธีการ และแบบการตกแต่ง อันหลายหลาก ซึ่งนำมาใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีใด เป็นสิ่งที่ดีที่สุด การตกแต่ง เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะดีได้ เท่ากับการตกแต่ง ที่ต้องใช้จ่ายของ อย่างฟุ่มเฟือย หรืออาจจะนำวิธี การตกแต่ง หลายรูปแบบ มาผสานกันได้ ถ้าสามารถ ทำให้สอดคล้อง และในขอบเขตที่สมควร

ห้องรับแขกการวางแผนผังห้องนั่งเล่น

ห้องรับแขกจะเป็นห้องแรกที่เข้ามาถึง ควรมีขนาด 12 ตารางเมตรขึ้นไป แล้วแต่ขนาดของบ้าน เมื่อจะลงมือตกแต่งห้องใดก็ตาม อย่าได้พยายาม ซื้อหา ข้าวของในการตกแต่ง ก่อนที่จะมี การวางแบบแปลน ให้เรียบร้อย ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกต้อง และง่ายที่สุด ถ้าเราจะย้ายเข้ามาอยู่ ในบ้านที่ต้อง อยู่อาศัย เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควรวางแบบแปลน เพื่อให้ใช้ได้ ในระยะเวลานาน สิ่งที่ต้องพิจารณา อันดับแรก คือโครงสร้างของห้อง ว่าต้องมีการ ขยับขยาย หรือไม่ ถ้าต้อง มีการขยับขยายก็ต้องลงมือทำสิ่งนี้ก่อน แต่ถ้าไม่ต้องก็ดำเนินขั้นต่อไป คือ การสร้างตู้ และชั้นวางของ และติดตั้งระบบไฟฟ้า และระบบระบายอากาศ หรือปรับอากาศ ตามแบบแปลน ที่วางไว้ ก่อนที่จะเริ่มงานตกแต่ง เช่น การจัด เฟอร์นิเจอร์ ปูพรม และรายละเอียดอื่นๆ แต่ถ้าเรา เช่าห้อง หรือบ้านอยู่ วิธีการตกแต่งที่ดีที่สุด คือ คงโครงสร้างเดิมไว้ให้มากที่สุด และแก้ไข ข้อบกพร่องต่างๆ ด้วยวิธีการของการตกแต่ง เช่น หน้าต่างที่ ใหญ่เกินไป ก็ติด บางส่วน ของหน้าต่าง ด้วยบังตา ถ้าหน้าต่างที่เล็กเกินไป อาจจะทำให้ดูกว้างขึ้นได้ ด้วย การติดกระจก

การจัดบริเวณนั่งเล่น

บริเวณนั่งเล่นเป็นส่วนสำคัญที่ใช้นั่งคุยกัน ดูทีวี ทานขนม เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ และพักผ่อน ดังนั้นที่นั่ง ที่ใช้ควรจะสบาย และจัดวางอุปกรณ์ การเล่นให้อยู่ใกล้ๆ กับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ ควรจะเคลื่อนย้ายได้ เพื่อให้เหมาะ กับการนำมาจัดใหม่ ในการ สังสรรค์กันแต่ละครั้ง ในกรณีที่เป็นห้องขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นห้องขนาดใหญ่ ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ และเคลื่อนย้าย ไม่ได้หนึ่งหรือสองตัว นอกจากนั้น ควรจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งสามารถนำมาตั้ง รวมกับเฟอร์นิเจอร์ประเภทแรก ได้เมื่อมีแขกมาเยี่ยม เป็นจำนวนมาก และเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ ซึ่งดัดแปลง ใช้ได้หลายอย่าง จะช่วยเปลี่ยนแปลง ให้บรรยากาศ



Read more: http://www.novabizz.com/CDC/LivingRoom.htm#ixzz1l0BmY94S

ห้องครัว

จัดได้ว่าเป็นห้องที่ถูกใช้ประโยชน์ มากมาย การดูแลรักษาเอาใจใส่จึงตามมา เป็นเงา ตามตัว เพื่อให้ห้องครัวอยู่ในสภาพ ที่น่าดู และน่าใช้อยู่เสมอ หลังจากการ ปรุงอ4หารเสร็จสิ้นแล้ว เราก็จะต้องเช็ดถู ทำความสะอาด บริเวณเตาแก๊ส และ ชั้นวางของ ให้สะอาด แต่เท่านี้ยังไม่พอ เพราะอย่างน้อย อาทิตย์หนึ่ง เราควร จะทำความสะอาด ในครัวให้หมดทุกซอกทุกมุม โดยเริ่มจาก การทำความสะอาด ฝาผนัง เพื่อล้างคราบน้ำมัน หรือเศษอาหาร ที่ติดอยู่ออก ให้หมด เตา ตู้เก็บของ ตู้เย็น ชั้นวางของ ซอกมุมต่างๆ ควรเช็ดฝุ่นละอองออก สำหรับพื้น จะต้องขัดล้าง ทำความสะอาด ไม่ให้คราบ สกปรก หลงเหลืออยู่ เมื่อทำความสะอาด ไปแล้ว ควรใช้ ผ้าแห้ง เช็ดอีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อมีเวลาว่าง ก็ควรจะให้เวลากับห้องครัวบ้าง เพื่อดูแล ข้าวของ ให้เข้าที่ หรือปรับปรุง บางส่วน ให้ดูดีขึ้น หรือใช้ประโยชน์ ได้ดี กว่าเดิม ข้าวของที่จัด อย่างเป็น ระเบียบ การทำงานในห้องครัว ด้วยความสะดวก ราบรื่น ไม่มีสิ่งของกีดขวาง ทุกอย่างหยิบใช้ได้ง่าย ย่อมเป็นที่พึงพอใจ และชื่นใจให้ กับผู้ใช้อย่างมาก ซ้ำยังเป็นการเพิ่มความมีชีวิตชีวา ให้กับห้องครัวอีกด้วย ครัว เป็นสิ่งหนึ่ง ที่ทุกบ้าน ปฏิเสธไม่ได้ และยังคงให้ความสำคัญ กับครัว อย่างไม่หยุด หย่อน ครัวจัดได้ว่า เป็นบริเวณที่มีการใช้สอย ประโยชน์ไม่น้อยกว่า ส่วนอื่นๆ ของบ้านเลย ดังนั้น การออกแบบครัว ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่นี้ มักจะเต็ม ไปด้วย อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ชนิดต่างๆมากมาย เพื่ออำนวย ความสะดวกสบาย แก่ผู้ใช้ หรือผู้ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับครัว ห้องครัว
ห้องครัว เป็นอีกห้องหนึ่งที่มีการกำหนด ลักษณะการใช้งาน ที่แตกต่างไป จากห้องอื่นๆ โดยเป็นส่วนใช้งาน ที่สำคัญภายในบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่ ประกอบอาหาร เพื่อการยังชีพ นอกจากนั้น ครัวยังมีความสัมพันธ์ ในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง กับส่วนรับประทานอาหารและส่วนอื่นๆ ในตัวบ้าน
ในบรรดาห้องทั้งหลาย ห้องครัวได้กลายเป็นห้องที่เราให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นห้อง ที่เราให้เวลา ในวันหนึ่งๆ กับห้องนี้ มากพอสมควร อีกทั้งยังต้องทุ่มเทค่าใช้จ่ายสำหรับการที่จะได้ "ห้องครัว" ที่ถูกอกถูกใจอีกด้วย ก่อนการตัดสินใจ ที่จะลงมือสร้างครัว หรือจัดตกแต่งครัว เพื่อให้เกิดความสวยงามนั้น สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงเป็นลำดับแรกคือ การออกแบบห้องครัว เป็นการผสมผสาน ทั้งศาสตร์และศิลป์ไว้ในห้อง ๆ เดียวอย่างกลมกลืนที่สุด ศิลป์คือความสวยงาม แม้ห้องนี้จะไม่ได้มีไว้โชว์แขกโดยตรงก็ตาม ส่วนศาสตร์ก็คือ การคำนึงถึงสุขอนามัยต่าง ๆ ผลพวงที่จะเกิดกับการประกอบอาหาร โดยเฉพาะอาหารไทย อย่างที่รู้ ๆ กันว่า อาหารไทยนั้น นอกจากจะรสจัด รสแซ่บแล้ว กลิ่นก็ยังรุนแรงอีกด้วย ตอนที่คุณปรุงก็ก่อให้เกิดความร้อนตลบอบอวลด้วย คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ที่พอคุณทำอาหารเสร็จจะมีกลิ่นติดตามเนื้อตัว ผมเผ้า เสื้อผ้า จนคนใกล้ชิดของคุณแซวว่า "เปลี่ยนน้ำหอมใหม่แล้วหรือ?" มีปัจจัยอะไรต้องคิดถึงบ้างลองไปดูกัน
ทิศทางของห้องไม่ควรอยู่ในทิศที่อับหรือทึบหรือพูดง่าย ๆ ก็คือห้องนี้ควรมีแสงสว่างเพียงพอนั่นแหละ มีแสงแดดส่องถึง เพื่อไล่ความชื้นออกไป ที่สำคัญต้องระบายอากาศดีด้วย ส่วนของคนจีน การวางฮวงจุ้ยสำหรับห้องครัวนั้น ก็กำหนดไว้ที่ทิศตะวันออก หรือทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น จะได้ช่วยไล่ความชื้น ฆ่าเชื้อโรคจากเช้าถึงเที่ยงและเย็นสบายช่วงบ่ายถึงเย็นซึ่งเป็นเวลาทำครัว อีกทิศหนึ่งที่น่าสนใจคือทิศใต้ซึ่งเป็นทางลมพอดี
เมื่อหาทิศทางให้ห้องครัวได้แล้ว สิ่งที่คุณต้องพิจารณาต่อก็คือตำแหน่งที่สะดวกสบายในการเข้าถึงซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมี 2 ลักษณะคือ ครัวในบ้านและ ครัวนอกบ้าน โดยครัวในบ้านนั้นมักจะอยู่ชั้นล่างอาจจะติดโรงรถเพื่อความสะดวกสบายในการขนของ มักจะเป็นครัวเบาใช้เตรียมอาหาร ส่วนครัวนอกบ้านนั้นโดยทั่วไปถ้าบ้านของคุณมีเรือนคนใช้อยู่ก็มักจะสร้างครัวที่เรือนนี้ไปด้วยเลย
แปลน ห้องครัว Kitchen Room ทำนองเดียวกันคุณอาจจะทำบริเวณจอดรถไว้ที่เรือนนี้ด้วยก็ได้ เพื่อความสะดวก ในการขนของเข้าครัว แต่ถ้าบ้านของคุณเป็นบ้านขนาดเล็ก อาจจะต่อเติมหลังคา ด้านหลังบ้านใช้เป็นครัวประกอบอาหารหนักกลิ่นแรง ๆ ก็ได้ จะเลือกครัวใน หรือนอกบ้าน นั้น ปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการพิจารณาคงหนีไม่พ้น ความต้องการของครอบครัว ขนาด ของบ้าน ขนาดของที่ดิน แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบใด คุณจะยังต้องคำนึงถึง ตำแหน่งของ ห้องนอนด้วย เพราะครัวไม่ควรอยู่ตรงกับห้องนอนชั้นบน นั่นจะทำให้ กลิ่นอาหาร ขึ้นไปรบกวน ตำแหน่งของท่อน้ำทิ้งก็ไม่ควรให้อยู่ใกล้ กับแหล่งน้ำ ใช้ เพราะน้ำ ที่เกิดจากการล้าง รวมไปถึงเศษอาหาร อาจจะไหลซึม และแปดเปื้อนกับแหล่งน้ำได้ ถ้าจะให้ดี คุณน่าจะจัดครัวให้ใกล้กับส่วนรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ห้องรับประทาน หรือระเบียง (ในกรณีที่คุณจัดเลี้ยง) เพื่อความสะดวก ในการลำเลียง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ สำหรับห้องครัวคือเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในครัว ซึ่งคุณควรจะพิจารณา ให้เหมาะสม กับครัวของคุณด้วย เพื่อที่ว่านอกจากจะใช้งานได้เหมาะสม มีประสิทธิภาพแล้ว จะทำให้ครัวของคุณสวยงามไปด้วย



ห้องรับประทานอาหาร
การรับประทานอาหารที่บ้านนั้น มีความหมายไป ตั้งแต่ การวิ่งเข้า ครัวเพื่อหาอะไร ก็ได้สักอย่างมาแก้หิว การนั่งดูโทรทัศน์ไปพลาง ๆ ขณะที่เจ้าตู้อบ ไมโครเวฟ กำลังอุ่น แซนด์วิชสักชิ้น ไปจนถึง การจัดเลี้ยง อย่างเป็นการ เป็นงานสำหรับแขก คนสำคัญ
ข้อดีของการจัดเลี้ยงอาหารที่บ้าน มีตั้งแต่ การสังสรรค์ เพื่อนเก่า ๆ กระชับสัมพันธ์ กับเพื่อนใหม่ หรือแม้แต่ การสร้างความประทับใจ ให้กับเจ้านาย นอกจากนี้ บางคนยังถือเป็นโอกาส ที่จะแสดงฝีมือ การปรุงอาหาร ไปด้วยก็ได้ ดังนั้น ห้องรับประทานอาหารเอง ก็จะมี ความสำคัญในการสร้าง บรรยากาศเมื่อมี การจัดเลี้ยงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดรูปแบบ ของงานที่เราต้องการให้เป็นไป การตกแต่งที่ ช่วยเสริมได้ แม้กระทั่งรสชาติของอาหาร ความเหมาะสม ในการใช้ ห้องรับประทานอาหาร เป็นห้องสนทนาต่อไป ภายหลัง จากการรับประทานอาหารแล้ว
ห้องรับประทานอาหารสามารถยืดหยุ่นได้ดีไม่ว่าจะเป็นขนาดของห้องและรูปร่าง เช่น อาจจะใช้ มุมใดมุมหนึ่ง ของห้องครัว ไปจนถึงการจัดห้องอาหารโดยเฉพาะในบ้านสมัยใหม่ส่วนใหญ่ แล้วห้อง รับประทานอาหาร มักจะเป็นที่ที่กำหนดขึ้นมา อย่างเหมาะสมเพื่อใช้ให้ เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ในการรับประทานอาหาร
ห้องรับประทานอาหารในบ้านที่มีเนื้อที่จำกัด การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ การตกแต่ง การเลือกชนิดของอุปกรณ์ ในการ รับประทานอาหาร อาจจะทำให้ สามารถดัดแปลง ห้องรับประทานอาหาร ให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น ได้อีกหลายลักษณะ เช่น ใช้เป็นห้องทำการบ้านของเด็ก ๆ เป็นห้องสมุดเล็ก ๆ หรือบางครั้ง ก็อาจจะเป็น ห้องนอน สำรอง สำหรับแขกผู้มาเยือน
จุดที่มักจะต้องให้ความสำคัญก็คือ ห้องรับประทานอาหาร ไม่ควรจะ อยู่ไกลจาก ห้องครัว เพราะอาหาร บางชนิด หากเสียเวลาไป กับการลำเลียง มาสู่ห้องรับประทานอาหาร นานเกินไป ก็อาจจะเสียรส ชาด หรือบางครั้ง ในการจัด งานปาร์ตี้ ในหมู่เพื่อนฝูง คนที่เข้าครัวปรุงอาหาร ก็จะขาด บรรยากาศ ที่สนุกสนาน ของงานไป แต่ข้อที่ควร ระวังสำหรับครัว ที่อยู่ติดกับห้อง รับประทานอาหาร ก็คือเรื่องของ กลิ่นอาหาร ขณะที่กำลังปรุง จะเข้ามารบกวนได้ ดังนั้น การระบายอากาศ หรือการใช้ เครื่องดูดควัน จึงกลายเป็น เรื่องจำเป็น ที่ขาดเสียไม่ได้ บรรยากาศ และ อิทธิพลต่อจิตใจ ของ ห้องรับประทาน อาหาร จะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ เฟอร์นิเจอร์ การใช้แสง การเลือกใช้สี ทั้งหมดนี้ จะขึ้นกับรสนิยม และความต้องการ ของเจ้าบ้าน การจัดวางตำแหน่ง ห้องรับประทาน อาหารภายในบ้าน จะต้องคำนึงถึง ประโยชน์ใช้สอย ร่วมกับห้องอื่น ๆ ด้วย
ห้องรับประทานอาหารในแบบฉบับของตัวเอง
ห้องรับประทานอาหารมีคนแนะนำว่า การจะจัด ห้องรับประทานอาหาร สักห้อง ในบ้านให้ดีอย่างที่เราต้องการ ให้นึกไปถึง ร้านอาหาร ร้านโปรดของเรา โดยเฉพาะ ร้านอาหาร หรือภัตตาคาร ที่ประสพ ความสำเร็จ แน่นอนรสชาดอาหาร คือจุด สำคัญที่สุด แต่สิ่งแวดล้อม ที่ช่วยสร้างบรรยากาศ ซึ่งร้านอาหาร สามารถจัดได้หลายแบบเช่น มุมหนึ่ง อาจจะเป็น บรรยากาศ แบบพื้นบ้าน ส่วนอีกด้าน ก็เป็นแบบทันสมัย ซึ่งตกแต่งด้วย วัสดุจำพวกโลหะ ชุบโครเมียม แวววาวและฟอร์ไมกา ฯลฯ ผู้มาใช้บริการ ของร้าน จึงสามารถเลือกบรรยากาศ ให้เหมาะ กับวัตถุประสงค์ของตนเอง ภายในบ้านก็เช่นกัน ห้องรับประทานอาหาร อาจจะใช้ในหลายโอกาส ที่ต่างบรรยากาศกัน เช่นห้องจะสามารถตกแต่งให้ บรรยากาศ ดูสนใจสำหรับ การจัดปาร์ตี้ และห้องเดียวกันนี้ จะต้องไม่ดูเงียบเหงาจนเกินไปนัก หากจะต้องอยู่บ้าน รับประทานอาหาร ค่ำคนเดียว
ข้อสำคัญที่สุด จึงอยู่ที่ตัวเจ้าของบ้านเอง เพราะจะต้อง มีส่วนร่วม ในการรับประทานอาหาร อยู่เสมอ บางคนชอบรูปแบบ ที่เรียบร้อย ก็จัดห้องแบบสบาย ๆ เป็นกันเอง บางคนชอบปรุงแต่งรสอาหารเอง หรือบางคน ชอบมีเครื่องดื่ม ระหว่างอาหารไปด้วย ก็อาจจะจัด เคาน์เตอร์บาร์ สำหรับเสิร์ฟ ไวน์ หรือบรั่นดี ควบคู่ไปด้วย การที่ตกแต่ง ห้องรับประทานอาหาร ก่อนอื่นควรที่จะมอง แบบกว้าง ๆ ก่อนว่า ห้องควรจะเข้ากันได้ กับการตกแต่ง โดยทั่วไปของบ้าน ทดลองดูได้ โดยยก เฟอร์นิเจอร์ สักชิ้นจากห้องครัว มาไว้ใน ห้องรับประทานอาหาร จะต้องไม่รู้สึก ว่ามีความขัดแย้งกัน จนเห็นได้ชัด
จากนั้นก็มาดูกันที่ส่วนประกอบอื่น ได้แก่ โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บของที่ผนัง และอุปกรณ์ตกแต่งอื่น ๆ ควรจะเข้าชุดกันได้ ไม่ว่าจะเป็นสี แบบและ ความอ่อนแก่ของ โทนสี วัตถุประสงค์ที่ รองลงมาก็คือ เราต้องการให้ ห้องรับประทานอาหาร นี้ แสดงความคิดของเราในแง่ใดบ้าง เช่น การจัดบรรยากาศ แบบธรรมชาติ การจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์แบบโบราณ ฯลฯ รวมไปถึงการใช้ห้องนี้ เพื่อประโยชน์ อย่างอื่นด้วย ดังกล่าวแล้ว ข้างต้น
Dining Roomลักษณะการใช้งานห้องรับประทานอาหาร
ไม่ว่าห้องอาหารจะตกแต่งไว้หรูหราเพียงใดก็ตาม สิ่งที่จะต้องคำนึง เป็นอย่างมากก็คือ ประโยชน์ใช้สอย สำหรับตัวเจ้าบ้านเอง และผู้มาร่วมรับประทานอาหาร การที่จะตัดสินใจ เกี่ยวกับ เรื่องนี้ ให้ได้ดี คงจะต้องเข้าใจ เสียก่อน ว่าห้องนี้จะใช้งานมากที่สุด ในช่วงใด เลี้ยงอาหารกลางวัน ในวันหยุด จัดเลี้ยงเฉพาะ ตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวัน ต้องใช้ประโยชน์อย่างอื่น ขนาดของโต๊ะ ที่จะต้องใช้การ จัดลำเลียงอาหารจากครัว ที่เก็บอุปกรณ์ ที่จะต้องใช้ ในการรับประทาน อาหาร การเลือกใช้แสง ผ้าม่าน ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะต้อง กำหนดขึ้นมา เสียก่อน ที่จะออกไปซื้อ หรือสั่งทำเฟอร์นิเจอร์
ถ้าภายในบ้าน มีที่พอจะจัดเป็นห้องอาหารได้ โดยเฉพาะ ก็นับเป็นเรื่องที่ดีมาก ห้องรับประทานอาหาร ควรจะอยู่ติดกับ ห้องครัว กรณีเช่นนี้การจัดหาโต๊ะมา สำหรับวางอาหาร ก่อนเสิร์ฟ และการใช้ตู้เก็บของ ใน ห้องรับประทานอาหาร ก็กลายเป็น เรื่องที่ไม่จำเป็น แต่ถ้า ห้องรับประทานอาหาร อยู่ห่างจากห้องครัว ก็อาจจะต้องใช้การลำเลียงอาหารด้วย รถเข็น ซึ่งจะให้ ประโยชน์ ทั้งการนำอาหาร เข้ามาในห้อง และการขนเอา ภาชนะใช้แล้ว ออกไปจากห้องด้วย รถเข็นที่ออกแบบมา โดยมี เครื่องอุ่นอาหารไฟฟ้าในตัว ก็ใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่สามารถจัดหามาได้ ก็อาจจะต้องใช้ การอุ่นอาหาร จากตู้อุ่น ซึ่งจะต้องวาง ในห้อง รับประทานอาหารด้วย
สำหรับครัวที่อยู่ติดกับ ห้องรับประทานอาหาร วิธีที่สะดวกอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการทำช่อง สำหรับจัดส่ง อาหารที่ผนัง ระหว่างครัว กับห้องรับประทานอาหาร เพราะสามารถตัดความวุ่นวาย จากการส่งอาหาร ทางประตู ได้เป็นอย่างดี ช่องส่งอาหารนี้ จะต้องมี ที่วางอาหาร จานใหญ่ ๆ ได้อย่างเพียงพอ ทั้งสองข้าง และเมื่อส่งอาหารเข้ามาในห้อง หมดแล้ว ต้องมีบาน หน้าต่างเล็ก ๆ ปิดเพื่อความสวยงาม และความเป็น สัดส่วน การใช้งาน ห้องรับประทานอาหาร


Read more: http://www.novabizz.com/CDC/DiningRoom.htm#ixzz1l0CIxhHz



การออกแบบบ้านที่สวยงาม

“บ้าน” ควรจะสร้างเพื่อความสุขตามอัตภาพของผู้อยู่อาศัย และความเป็นมนุษย์คือการได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ได้สัมผัสธรรมชาติ และได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ในการออกแบบบ้านสิ่งที่สำคัญในการนำมาพิจารณา ก็มีอยู่หลายประการ ดังนี้
  1. การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วน การจัดพื้นที่ภายในบ้านให้เป็นสัดส่วนสามารถลดปัญหาขัดแย้งภายในบ้านได้เช่น การฟังเพลง การดูโทรทัศน์ การทำการบ้าน การนอน การทานอาหาร การทำครัว การสังสรรค์ หรือประหยัดพลังงานเมื่อใช้เครื่องปรับอากาศ หรือป้องกันเสียง และกลิ่นรบกวน หรือป้องกันยุง
  2. แสงธรรมชาติ การจัดให้ทุกพื้นที่ได้รับแสงธรรมชาติ ช่วยสร้างให้เกิดบรรยากาศที่น่า แสงธรรมชาติควรจะมาจาก ส่วนบนของห้อง จะทำให้การกระจายแสงดี และแสงไม่จ้า ดังนั้น สีของเพดานจึงควรจะเป็นสีออกสว่าง ส่วนสีผนัง หากใช้สีสว่างเกินไปจะจ้า จึงควรคล้ำลงบ้าง
  3. การระบายอากาศ ห้องที่ควรจะใช้หลักการระบายอากาศตามธรรมชาติ ได้แก่ ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องทานอาหาร ห้องพักผ่อน เป็นต้น
  4. การปรับอากาศ ห้องนอนซึ่งเป็นห้องที่คนใช้เวลาอยู่มากที่สุด ใช้เครื่องปรับอากาศกันเป็นส่วนใหญ่ ห้องนอนจึงต้องออกแบบให้มีสภาพของห้องเย็น คือมีฉนวนป้องกันความร้อนอย่างดี จึงจะใช้เครื่องปรับอากาศเล็กนิดเดียว แล้วจะได้ไม่เปลืองไฟ ตำแหน่งของเครื่องระบายความร้อน ต้องไม่รบกวน และไม่นำความร้อนกลับเข้ามา ส่วนของเครื่องเป่าลมเย็น จะต้องไม่เป่าโดนตัวให้การกระจายลมดี และทำความสะอาดได้ง่าย
  5. การป้องกันเสียง เสียงรบกวนมักจะมาจาก เสียงรบกวนจากข้างบ้าน จากถนน กิจกรรมในบ้าน เครื่องระบายความร้อน ห้องน้ำ ดังนั้น จึงควรป้องกันเสียงจากที่ต่างๆนี้ เช่น การใช้หน้าต่าง ที่ไม่เปิดรับเสียงรบกวนจากภายนอกโดยตรง, การจัดแบ่งพื้นที่การใช้งานให้เป็นสัดส่วน, การกั้นผนังห้องน้ำยันพื้นเพดาน และใช้ประตูทึบ, การกั้นผนังห้อง การตั้งเครื่องระบายความร้อน ไม่ให้เสียงรบกวนบ้านของตัวเอง และบ้านของคนอื่น
ห้องน้ำ
      เป็นห้องที่ต้องการ ความเป็นส่วนตัว มากกว่าทุกๆ ห้องในบ้านเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะ กิจกรรมที่ทำใน ห้องน้ำ อันได้แก่ การอาบน้ำ ชำระ ร่างกาย และการขับถ่าย เป็น กิจกรรมเฉพาะบุคคล ที่ต้องทำเป็น ประจำทุกวัน โดยเฉพาะ การอาบน้ำ ชำระร่างกาย ต้องทำอย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้า และตอนเย็น ตามหลัก สุขบัญญัติ ที่เราท่องจำตั้งแต่สมัยชั้นประถม ในปัจจุบัน ห้องน้ำยังใช้ เป็นสถานที่ ทำกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การโกนหนวด แต่งหน้า แต่งตัว ซักผ้า หรือแม้กระทั่ง การอ่านหนังสือ เป็นต้น เมื่อกิจกรรมในห้องน้ำมีเพิ่มมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องเอาใจใส่ และ พิถีพิถันกับการสร้าง การจัด ตกแต่งห้องน้ำ ให้สวยงาม น่าใช้ และตอบสนอง การใช้สอยให้มากที่สุด โดยต้องเริ่มตั้งแต่ การวางแผนที่ดี การคัดเลือกวัสดุ และการตกแต่ง ให้สวยงาม สอดคล้องกับห้องอื่นๆในบ้าน เป็นต้น
รูปแบบ หรือ สไตล์ ในการตกแต่ง ห้องน้ำ โดยส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับ รสนิยม และ ความชื่นชอบ ของแต่ละบุคคล การเลือกรูปแบบ หรือ สไตล์ การตกแต่ง ก็ควรให้สอดคล้องกับ รูปแบบและ การตกแต่งภายใน โดยรวมของ อาคาร บ้านเรือน นั้นๆ โดยมีข้อคิดว่า ไม่ควรใช้รูปแบบ ที่มีการประดับประดารุงรัง หรือมีรายละเอียดซอกมุมมาก เพราะจะทำให้ยากต่อ การทำความสะอาด ในปัจจุบัน รูปแบบ หรือ สไตล์ ที่มักเป็นที่นิยมหลากหลาย แต่รูปแบบสมัยใหม่ หรือ ร่วมสมัย ซึ่งเป็นแบบเรียบง่าย และมีความหรูหรา อยู่ในตัวนั้น มักเป็นที่นิยมมากกว่า การใช้รูปแบบในอดีต

ห้องน้ำ สไตล์คลาสสิก

ห้องน้ำ ลักษณะนี้มักเน้นรูปแบบ ที่ค่อนข้างหรูหรา มีรสนิยม ด้วยการเลือกใช้ วัสดุ ในการตกแต่ง และ การจัดวางแปลน ที่พิถีพิถัน
การจัดแบบแปลน ก็มักขึ้นอยู่กับ ขนาดของพื้นที่ อาจมีการแบ่งส่วนอย่างชัดเจน เช่น มี ห้องแต่งตัว ซึ่งแยกไว้อย่างเป็น สัดส่วนด้วย ผนัง การเลือกสุขภัณฑ์ และ ก็อกน้ำ ก็จะเลือกให้เข้าชุดกัน สีที่นิยมใช้ก็เป็น สีทองเหลือง หรือสีทองเหลืองผสมกับ โครเมียม มันวาว ส่วน สุขภัณฑ์ ก็เลือกตาม โทนสี โดยรวมของ การตกแต่ง เน้นการโชว์เนื้อแท้ ของวัสดุ วัสดุที่นิยมใช้ก็หนีไม่พ้น หินอ่อน หินแกรนิต กระเบื้องเคลือบ ทั้งแบบเรียบ และมีลวดลาย กรุยเชิงผนัง บัวเพดาน – พื้น กระจก หรือ วัสดุสังเคราะห์ ที่มีรูปลักษณ์แสดงออกถึงความหรูหรา สวยงาม ห้องน้ํา

ห้องน้ำ สไตล์โมเดิร์น

ห้องน้ำ ในรูปแบบนี้ มักเน้นเส้นสายในเชิงเรขาคณิต เป็นสำคัญ และมักตัดทอน รายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างออกไป ให้เหลือไว้ เพียงความเรียบง่าย และการโชว์เนื้อแท้ของวัสดุ เช่น หินอ่อน หินแกรนิต กระจกสเตนเลส โครเมียม หรือ หินทราย รวมทั้ง ผู้ออกแบบ ต้องมีความเข้าใจถึง ความต้องการของผู้ใช้ และ การออกแบบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยที่ดี เป็นสำคัญรวมทั้งการจัดแสงสว้างที่เหมาะสม
ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุจึงควรมีสีสันและลวดลายที่เรียบง่าย แต่ดูดี เช่น สีดำ เทา หรือขาว ส่วนวัสดุประกอบก็ควรเป็น ชนิดที่ดู ทันสมัย อาทิ วัสดุมันวาว ประเภทโลหะ หรือวัสดุผิวด้าน ใส หรือขรุขระ สุขภัณฑ์ หรือก๊อกน้ำควรเลือกรูปแบบที่มีความทันสมัย มีดีไซน์เฉพาะที่มี เอกลักษณ์ โฉบเฉี่ยวเข้ากันได้ดีกับกระจกเงาดีไซน์รูปทรางให้แปลกตา เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอาจเป็นกระจกใส โครงขาของอ่าง ทำด้วยเหล็ก ชุบโครเมียม เป็นต้น

ห้องน้ำ สไตล์ธรรมชาติ

ห้องน้ำ ลักษณะนี้เป็น การจัดแบบแปลน ที่ค่อนข้างแตกต่างจาก แบบอื่นๆ กล่าวคือ มีการนำเอา ธรรมชาติมาใช้ร่วมใน การออกแบบ ซึ่งปกติที่ทำกัน ก็จะมีอยู่ 2 วิธีคือ
- กำหนดให้พื้นที่ห้องน้ำเปิดโล่งเชื่อมกับ ภายนอก ใช้ธรรมชาติ เป็นตัวประสาน ด้วยการ จัดวางพันธุ์ไม้ต่างๆ บางกรณีผู้ออกแบบ อาจออกแบบให้มีรูปแบบที่พิเศษ เช่น ผนังด้านหนึ่งเป็น กระจกสูงโปร่ง าวตลอดแนวด้านใน ติดตั้งอ่างอาบน้ำ ล้อมรอบด้วยพันธุ์ไม้ จัดวาง สุขภัณฑ์ ที่เข้าชุดกัน พื้นปูด้วยหินทราย ผนังซีเมนต์ เปลือย หรือจัดเป็น ห้องน้ำ ที่มีหลังคาเปิดโล่ง ผนังบังสายตาก่อน ด้วยแนว ศิลาแลง ไม่สูงมากนัก ด้านในจัดวางสุขภัณฑ์ในตำแหน่ง ที่เหมาะสม เป็นต้น
- กำหนดให้มี ธรรมชาติอยู่ภายใน ห้องน้ำ อาจทำพื้นที่ไว้สำหรับ วางต้นไม้ เช่น ยกขอบที่จะวางกระถางต้นไม้ หรือจัดสวนหย่อมเป็นมุมเล็กๆ หรือนำเอา วัสดุธรรมชาติมาใช้ร่วมด้วย อาทิ การใช้ไม้ซีกหรือปีกไม้ร่วมกับกระเบื้อง หรือ ผนังปูนฉาบ ไม่เรียบ พื้นเป็นคอนกรีต และโรยด้วยกรวด เว้นพื้นที่ปูนหินแผ่น หรือ กระเบื้องดินเผา ตรงบริเวณ อ่างอาบน้ำ เพิ่มบรรยากาศให้เป็น ธรรมชาติ ด้วยพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ สำหรับวัสดุและโทนสีนั้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ การออกแบบเป็นสำคัญ แต่ก็ยังคงเน้นโทนสีธรรมชาติของวัสดุ เช่น สีของไม้ หิน ซีเมนต์ ก้อนกรวด กระเบื้องดินเผา หรือ สีของต้นไม้ ที่ใช้ประตกแต่ง ซี่งเป็น เสน่ห์สำคัญที่ให้ห้องน้ำ สวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ห้องน้ำ สไตล์ธรรมชาติ

ห้องน้ำ สไตล์คันทรี่

ห้องน้ำลักษณะนี้ โดยทั่วไป ก็เน้นความเป็น ธรรมชาติ ด้วย การตกแต่ง ที่เลือกใช้วัสดุที่มาจาก ธรรมชาติ และ วัสดุสังเคราะห์ ห้องน้ำ แบบนี้มีรายละเอียดและส่วนประกอบต่างๆ และรูปแบบที่ดูสบายๆ ที่ยังคง คำนึงถึง เรื่องขนาดของ พื้นที่ใช้สอย เป็นสำคัญ แต่ในบางกรณีก็มี การกำหนดโครงสร้างของ ห้องน้ำ ขึ้นเฉพาะ เช่น หลังคาที่มี ลักษณะสูงโปร่ง หรือหลังคาจั่ว เลือกใช้วัสดุ ธรรมชาติ อาทิ ปีกไม้ ไม้ท่อน หินกาบ กระเบี้อง และอื่นๆ ที่เป็น วัสดุจาก ธรรมชาติ หรือ วัสดุที่โชว์สี หรือ เนื้อแท้ของวัสดุ โทนสีส่วนใหญ่มักเป็นสีน้ำตาลครีม และขาว หรือ สีของวัสดุ ที่นำมาใช้ใน การตกแต่ง แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกให้ดูกลมกลืนกันไป
การตกแต่งเน้น ความสอดคล้องกลมกลืนกัน ไม่ว่าจะเป็น พื้น ผนัง สุขภัณฑ์ ผ้าม่าน กรอบรูป และของประดับตกแต่งอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อ ให้ห้องน้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่อย่าลืมเสริมบรรยากาศความสดชื่นด้วยสีเขียวของต้นไม้



วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

ประเภทของบ้าน

บ้านมีหลายประเภท....ซึ่งแบ่งได้คือ



            1.  บ้านเดี่ยว  (Single-Family  Homes)  เป็นแบบบ้านที่อยู่อาศัยที่มีคนนิยมมาก ที่สุด  ลักษณะเป็นบ้านตั้งอยู่เดี่ยว  ๆ  มีเนื้อที่กว้างขวางรั้วรอบขอบชิด  ทำให้ผู้อาศัยได้บรรยากาศของความเป็นส่วนตัว  และห่างไกลจากการรบกวนของเพื่อนบ้าน  บ้าน ชนิดนี้ปกติแล้จะมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันสามารถตกแต่งได้ในรูปแบบต่าง  ๆ  ตามฐานะและรสนิยมของผู้เป็น เจ้าของ




            2.  อาคารพาณิชย์หรือตึกแถว  (Shop  Houses)  เป็นแบบบ้านอีกลักษณะหนื่งที่ได้รับ ความนิยมมากในแถบชุมชนเมือง  เพราะนอกจากจะใช้เป็น ที่อยู่อาศัยได้แล้ว  ยังสามารถดัดแปลงให้เป็นสถาน ที่ทำการค้าหรือธุรกิจได้ด้วย  อาคารแบบนี้มักมี เนื้อที่แคบ  จึงนิยมก่อสร้างหลาย  ๆ  ชั้น



            3.  ทาวน์เฮาส์  (Town  house)  เป็นบ้านที่มีลักษณะเหมือนตึกแถวบ้านประเภทนี้มักตั้งอยู่ในเมือง  ต่างกับตึกแถวตรงที่มีบริเวณหน้าบ้านจัดเป็นสวนขนาดย่อม และจอดรถได้  ทาวน์เฮ้าส์ส่วนใหญ่มักเป็นแบบ  2-3  ชั้น  ใช้เนื้อที่ค่อนข้างน้อย  เนื่อง จากเป็นที่ในเมืองและมีราคาแพง



            4.  แฟลตหรืออาพาร์ตเม้นต์  (Flat  or  Apartment)  เป็นที่อยู่อาศัยที่มีลักษณะคล้ายอาคารพาณิชย์  คือมีหลาย  ๆ  ชั้น  แบ่งเป็นหลายยูนิต  วัตถุประสงค์เพื่อให้เช่า  ปกติ แล้วที่อยู่อาศัยแบบนี้  ค่าเช่ามักสูง  เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวก  ความปลอดภัยครบ


            5.  คอนโดมิเนียม  (Condominium)  หรืออาคารชุด  เป็นอาคารที่มีหลายชั้น  แต่ละ ชั้นแบ่งเป็นห้องชุดจำนวนมาก  ซึ่งภายในห้องประกอบ ด้วยห้องนอน  ห้องรับแขก  ห้อง นำ  ฯลฯ  อาคารชุดแต่ละแห่ง มักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน  โดยทั่วไปแล้วอาคาร ชุดจะตั้งอยู่ในกลางเมือง  หรือในที่ชุมชนที่มีการ คมนาคมสะดวก  อาคารชุดมีหลายประเภท  ทั้ง ประเภทที่อยู่อาศัย  (Residential  Condominium)  และ ประเภทสำนักงาน  (Office  Condominium)  ผู้ซื้ออาคารชุดจะมีกรราสิทธิ์เป็นเจ้า ของอาคารชุดของตน  และมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์สิน ส่วนกลาง  อันได้แก่  ห้องโถง  ที่จอดรถ  ลิฟต์  สนาม  และทางเดิน  เป็นต้น  ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดูแล ทรัพย์สินส่วนกลาง  ผู้เป็นเจ้าของอาคารชุดจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบ



            6. สหกรณ์เคหสถาน(Cooperative  Housing)  เป็นที่อยู่อาศัยแบบสหกรณ์  ลักษณะเป็นอา พาร์ตเมนต์เพล็กซ์  คล้ายคอนโดมิเนียม  ที่อยู่อาศัยประเภทนี้  เกิดขึ้นโดยผู้ต้อง การที่อยู่อาศัย  จะลงทุนซื้อหุ้นของสหกรณ์และสหกรณ์ จะนำเงินนั้นไปซื้อที่ดินและสร้างอาคารให้สมาขิกได้เช่าอยู่  สมาชิกต้องช่วยกันออกค่าบำรุงรักษา  ซ่อมแซม  ค่าภาษี  สมาชิกแต่ละหน่วย  มีสิทธิออกเสียงได้หนึ่งเสียงในการเลือกตั้งกรรมการ บริหาร



            7.  บ้านเคลื่อนที่  (Mobile  Home)  บ้านชนิดนี้  ใน เมืองไทยมักไม่ค่อยคุ้นเคยกัน  แต่ในต่างประเทศมีมา นานแล้ว  ลักษณะเป็นบ้านที่สร้างสำเร็จรูปจากโรงงาน  และย้ายมาติดตั้งในทำเลที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ของบ้าน เคลื่อนที่  ผู้ที่เริ่มตั้งครอบครัวใหม่นิยมอยู่ บ้านเคลื่อนที่  เพราะราคาไม่แพงนัก  บางคนก็ใช้บ้านเครื่องที่เป็นสำนักงานเคลื่อนที่  เช่น  ผู้รับเหมาเวลาไปรับเหมาก่อสร้างตามแหลงรับเหมาต่าง ๆ  บ้านแบบนี้สามารถขับเคลื่อนหรือพ่วงกับรถคันอื่นได้  ลักษณะภายในมีเครื่องอำนวยความสะดวกเหมือนบ้านทั่วไป  บ้านแบบนี้บางทีนิยมใช้เป็นบ้านของดาราภาพยนตร์ หรือนักแสดงซึ่งต้องเดินทางเสมอ   ก็จะซื้อรถขนาด ใหญ่ปรับปรุงภายในให้เหมือนบ้าน  คือ  มีห้องนอน  ห้องเตรียมอาหาร ห้องน้ำ  เพียงแต่ละห้องมีขนาดเล็กเท่านั้น   สำหรับ ผู้ที่ชอบท่องเทียวทัศนาจร  บริษัทท่องเที่ยวบางแห่ง ก็จะมีรถยนต์ให้เช่า  ซึ่งจะตกตกแต่งภายในเหมือน บ้านอยู่อาศัย  ขับไปท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ ได้  บ้านลักษณะนี้เรียกว่า Motor  Home  นิยมใช้กันมากตามเมืองท่องเทียว  และใช้มากในช่วงของฤดูกาลท่องเที่ยว   ซึ่ง ผู้ใช้จะสามารถประหยัดค่าโรงแรกที่พักได้มาก  เพราะ ไปกันได้หลายคน  และใช้ได้ในช่วงเวลายาวนานอีกด้วย



            8. บ้านที่แบ่งเวลาการพักอาศัย  (Time-Share  Homes)  บ้านแบบนี้ตามชื่อก็บอกลักษณะให้ทราบ ว่ามีการแบ่งเวลาหรือหมุนเวียนกันใช้ประโยชน์ในบ้านพักอาศัยดังกล่าว  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัก ผ่อน เช่น  บ้านพัก  หรือ เรือนรับรอง  ที่อยู่ตามชายหาด หรือแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ  โดยมีบุคคล  บริษัท หรือโครงการจัดสรรเป็นเจ้าของ  ใคร ต้องการไปพักผ่อนในช่วงไหน  ก็ขอเช่าใช้บ้านพักใน ช่วงนั้น  ซึ่งจะมีการแบ่งเวลากันในระหว่างผู้ต้อง การใช้  มีตั้งแต่ 1 สัปดาห์  จนถึง 6 เดือน  ราคา ค่าเช่าก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง  เป็นต้นว่า  ระยะเวลาในการเช่า  ขนาดของบ้าน  ทำเลที่ตั้ง  สิ่งอำนวยความสะดวก  ตลอดตนฤดูกาลของการเช่าพัก